กายคตา กับ ชีวิตประจำวัน
กายคตา กับ ชีวิตประจำวัน
เมื่อใดที่ขยับ เคลื่อนไหว ส่วนใด ส่วนหนึ่งของร่างกาย
มีความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว มีความรู้สึกที่ใจรับรู้ ถึงอาการเคลื่อนไหว
เพียงแค่รู้สึกเท่านั้นพอ ไม่ต้องกำหนด จรดจ้อง จนกลายเป็นเพ่ง
ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งแล้วดับสลายไป
เกิดจากเกิดดับของจิตที่เข้าไปรับรู้ ที่กายเคลื่อนไหว เมื่อเข้าใจ
หรือ เห็น จิตที่รับรู้ สิ่งที่มันปรากฏ ก็ไม่มีเรา อยู่ในนั้น มีเพียง
สภาวะธรรม ที่เกิด ดับ เกิด ดับ ส่งต่ออารมณ์ต่อกันไปเรื่อยๆ
เพ่งเมื่อไหร่ จะกลายเป็นความคิด เมื่อนั้น เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้
เมื่อใดที่ขยับ เคลื่อนไหว ส่วนใด ส่วนหนึ่งของร่างกาย
มีความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว มีความรู้สึกที่ใจรับรู้ ถึงอาการเคลื่อนไหว
เพียงแค่รู้สึกเท่านั้นพอ ไม่ต้องกำหนด จรดจ้อง จนกลายเป็นเพ่ง
ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งแล้วดับสลายไป
เกิดจากเกิดดับของจิตที่เข้าไปรับรู้ ที่กายเคลื่อนไหว เมื่อเข้าใจ
หรือ เห็น จิตที่รับรู้ สิ่งที่มันปรากฏ ก็ไม่มีเรา อยู่ในนั้น มีเพียง
สภาวะธรรม ที่เกิด ดับ เกิด ดับ ส่งต่ออารมณ์ต่อกันไปเรื่อยๆ
เพ่งเมื่อไหร่ จะกลายเป็นความคิด เมื่อนั้น เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้
สิ่งที่ปรากฏในขณะที่ใจเข้าไปรับรู้ กับสิ่งที่เข้าไปรู้ ที่ใจรู้อีกทีหนึ่ง
ก็แค่รู้สึก สักแต่ว่า เท่านั้น ไม่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้อง สิ่งที่เข้าไปรู้เป็นเพียงอารมณ์ของจิตอย่างหนึ่งที่แสดงออกมา ไม่มีศัพย์แสงอะไรที่ต้องไปรู้ว่าเรียกว่าอะไร
เกิดแล้ว ก็ดับไป สลายไป อย่ามัวไปจรดจ้อง หาคำเรียก มันจะกลายเป็น
สมมุติ ขึ้นมาทันที เพราะอาศัยความนึกคิด จึงมีรากศัพย์มากมายให้เรียกกัน
เพียงแค่รู้ รู้แล้วก็จบ หมดกันไป ไม่มีอะไร ไม่ว่าอะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป
แบบ ชิว ชิว
ก็แค่รู้สึก สักแต่ว่า เท่านั้น ไม่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้อง สิ่งที่เข้าไปรู้เป็นเพียงอารมณ์ของจิตอย่างหนึ่งที่แสดงออกมา ไม่มีศัพย์แสงอะไรที่ต้องไปรู้ว่าเรียกว่าอะไร
เกิดแล้ว ก็ดับไป สลายไป อย่ามัวไปจรดจ้อง หาคำเรียก มันจะกลายเป็น
สมมุติ ขึ้นมาทันที เพราะอาศัยความนึกคิด จึงมีรากศัพย์มากมายให้เรียกกัน
เพียงแค่รู้ รู้แล้วก็จบ หมดกันไป ไม่มีอะไร ไม่ว่าอะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป
แบบ ชิว ชิว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น