เรื่องอุปกาชีวก[ปฐมเทศนา โปรดอุปกาชีวก ก่อนปัญจวัคคีย์]

[๑๑] อาชีวกชื่ออุปกะได้พบพระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินทางไกลระหว่างแม่น้ำคยาและไม้โพธิพฤกษ์ ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอาวุโส อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดูกรอาวุโส ท่านบวชอุทิศใคร? 
ใครเป็นศาสดาของท่าน? 
หรือท่านชอบธรรมของใคร?. 
เมื่ออุปกาชีวกกราบทูลอย่างนี้แล้ว. 
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาตอบอุปกาชีวกว่าดังนี้  เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้ธรรมทั้งปวง    อันตัณหาและทิฏฐิไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวง  ละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้วเพราะ ความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึงอ้างใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเราก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับ    ทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียว  เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลสได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลองประกาศ อมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ.             
อุปกาชีวกทูลว่า ดูกรอาวุโส ท่านปฏิญาณโดยประการใด  ท่านควรเป็นผู้ชนะหาที่สุดมิได้ โดยประการนั้น.             
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลเหล่าใดถึงความสิ้นอาสวะแล้ว บุคคลเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ชนะเช่นเรา ดูกรอุปกะ เราชนะธรรมอันลามกแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงชื่อว่าเป็นผู้ชนะ. เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อุปกาชีวกทูลว่า เป็นให้พอเถิด พ่อ ดังนี้ แล้วสั่นศีรษะ ถือเอาทางผิดเดินหลีกไป




พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔มหาวรรค ภาค ๑เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  บรรทัดที่ ๒๘๒ - ๓๐๗.  หน้าที่  ๑๒ - ๑๓.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กฏกติกามารยาทของพระสงฆ์ ที่เรียกว่า ศีล 227

ปฏิทินลวงโลก

วิธีจุดไฟแบบอัจฉริยะ