บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2014

๙. นิพพิทาสูตร

รูปภาพ
                               [๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อเข้าไปสงบ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ  ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่งามในกาย ๑ มีความสำคัญว่าเป็นของปฏิกูลในอาหาร ๑  มีความสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๑  พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง ๑  ย่อมเข้าไปตั้งมรณสัญญาไว้ในภายใน ๑  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้ มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อ เข้าไปสงบ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ฯ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๑๙๓๒ - ๑๙๔๒. หน้าที่ ๘๔.

๗. ฐานสูตร

รูปภาพ
                                พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต  [๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้ อันสตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ๕ ประการเป็นไฉน คือ สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความแก่ไปได้ ๑ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ ๑ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๑ เราจะต้องพลัดพรากจาก ของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๑ เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรม เป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่ว ก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๑ ฯ              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความแก่ไปได้ ดูกรภิกษุทั้...

ว่าด้วยบุพจริยาของพระสีวลีเถระ

รูปภาพ
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ ผู้มีจักษุ                           ในธรรมทั้งปวง เป็นผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ศีลของพระองค์                           ใครๆ ก็คำนวณไม่ได้ สมาธิของพระองค์เปรียบด้วยแก้ววิเชียร                           ฌานอันประเสริฐของพระองค์ใครๆ ก็นับไม่ได้ และวิมุติของ                           พระองค์หาอะไรเปรียบมิได้ พระนายกเจ้าทรงแสดงธรรมในสมาคม               ...

การเผชิญความตายเมื่อยังไม่ตาย

รูปภาพ
     การเผชิญความตายเมื่อยังไม่ตาย                                                             บางครั้งในช่วงหนึ่งเราอาจจะรับเชิญให้ไปร่วมแสดงความอาลัย ของใครคนหนึ่งที่เรารู้จักมักคุ้นกัน หรือ ไม่เคยได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำไป หรือ อาจจะได้รับรู้ผ่านสื่อทางใดทางหนึ่ง บ่งบอกถึงความโศกเศร้า ความอาลัยรัก รวมไปถึง ความสะใจ พอใจ ของใครบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้น จะด้วยเหตุผลกลใด จะต้องการ หรือ ไม่ต้องการ จะยินดี หรือ ไม่ยินดี ทุกชีวิตย่อมมาบรรจบกันตรงนี้ หลายชีวิต อาจจะมีญาติมิตรมาร่วมไว้อาลัย และอีกหลายชีวิตไม่อาจจะรับรู้ของการจากไป หรือที่เรียกว่า ตายอย่างโดดเดี่ยว บ้างต้องทรมานก่อนตาย บ้างก็นอนตายอย่างสงบ ตายโดยธรรมชาติ ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตายด้วยอุบัติเหตุ จงใจทำให้ตนเองตาย จงใจล้างผลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นตายโดยหน้าที่ ทำให้ตายโดยไม่เจตนา ตายด้วยความหลงผิด ตายเพราะสิ้นอาสวะ               ...

ทำไมถึงไม่บวชล่ะ รู้มากขนาดนี้

รูปภาพ
                   จำเป็นมากหรือ ที่รู้พระธรรม ศึกษาธรรมแล้วต้องบวช บางท่านรู้ได้โดยการฟัง บางท่านรู้ได้โดยการอ่าน บางท่านรู้ได้โดยการปฏิบัติ ตามแนวทางมหาสติปัฏฐานสี่ ประกอบด้วย            กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เรียกโดยย่อว่า     กาย            เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เรียกโดยย่อว่า   เวทนา            จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน  เรียกโดยย่อว่า   จิต            ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน  เรียกโดยย่อว่า    ธรรม อะไรคือ กาย หรือ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน                    สิ่งที่เรียกว่ากาย คือ ร่างกายที่เราท่านจับต้องได้ เคลื่อนไหวได้ คือ กายนอก ส่วนกายในกาย ก็คือ สิ่งที่เกี่ยวกับกายนอก หากขาดสิ่งนี้ เราท่านก็ไม่อาจดำรงชีพอยู่ได้ก็คือ ลมหายใจ เช่นเดียวกับกายนอก คือ จับต้องได้ หรือ สัมผัสได้ เคลื่อนไหวได้ สิ่งใดที่เรียกว่าจับต้องได้ ห...

การเรียนอภิธรรม

รูปภาพ
                 การเรียนอภิธรรม เพื่อให้รู้ว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร  อย่างไร ทำไมถึงสอน กับใคร ที่ไหน เพื่ออะไร แล้วเราจะได้อะไรในการเรียนอภิธรรม หลายคนเรียนเพื่ออยากรู้ หลายคนเรียนเพื่อมาอวดว่าฉันก็มีความรู้ไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน เหมือนกันศึกษาเส้นทาง หรือ แผนที่ก่อนออกเดินทาง เมื่อเรียนมาแล้วก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรกับการปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ เพราะติดตัวรู้ อ๋อนั่นทำไปก็จะเป็นอย่างนี้อย่างนี้ อ๋อ เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อไปก็จะเป็นอย่างนั้นๆ กลับหาทางที่จะเดินต่อไม่ได้ เพราะรู้มากเกินไป ผิดกับคนที่เขามาปฏิบัติกันก่อนแล้วมาหาคำตอบที่หลัง อ๋อ ที่เราทำแบบนี้เรารู้ แบบนี้ เขาเรียกว่าอย่างนั้น อย่างนั้น อ๋อ ที่เราทำมาไม่ใช่แนวทางที่ถูก มิน่าเราถึงไม่ก้าวหน้า เห็นทีเราต้องลองทำตามตำราดู เมื่อลองทำตามตำรา ก็จะเกิดความรู้ใหม่ว่า เอ ทำไมจึงไม่เหมือนอย่างในตำรา เอ เราทำแล้วรู้สึกปลอดโปร่งไม่ติดขัด  แล้วในตำราอาจจะมีหมายเหตุกำหนดไว้ว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นปัจจัตตัง อ๋อ รู้ได้เฉพาะตน ไม่ได้รู้โดยการชี้นำของตำรา ไม่ได้รู้โดยการฟังมาจากใ...

เรากำลังเสพติดบุญกันอยู่หรือ

       จะกล่าวไปแล้ว ทุกวันนี้เราเห็นอยู่รอบๆตัวของเรา ทั้งคนที่เราสนิท และคนแปลกหน้า  ต่างพากันตื่นตัวกันทำบุญ ตักตวงบุญ สร้างถาวรวัตถุ กันอย่างมากมายมโหฬาร  ทั้งการ แข่งกันจัดต้นกฐิน ต้นผ้าป่า อย่างวิจิตรบรรจง เพื่อจะได้ดูสวยสง่ากว่าใครอื่นเขา ต่างแข่ง ขันกันทุกรูปแบบ ต่างพากันดึงมวลชนเข้าไปหา ทั้งจำนวนของทรัพย์ ทั้งจำนวนคน กันอย่าง เต็มอัตราศึก เพื่ออะไร ก็ตอบคล้ายๆกันเพื่อทำความดี เพื่อบุญกุศล เพื่อขอให้ชาติหน้าเป็น อย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้าง         ทำไมหนอในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์จึงไม่ดำริให้สร้างพระพุทธรูป หรือ สิ่งอื่นเพื่อ แสดง ตรา สัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ แม้จวบจนปัจฉิมวัย จวนเจียนจะปรินิพพานเต็มทน แล้ว พระองค์ก็ยังให้เอาพระธรรมมาเป็นสรณะ เอาธรรมมาเป็นศาสดา         แล้วทุกวันนี้ เราได้ทำความ ปัจฉิมโอวาทของพระองค์แล้วหรือยัง เรากำลังหลงทางไปทางไหน เรากำลังสร้าง สร้าง สร้าง และ สร้าง อะไรต่อมิอะไร ขึ้นมากันอีกมากมาย เรากำลังสร้างอะไรกัน เรากำลังหลงไปทางไหนอัน เรากลับพากันเอาพระธรรมคำสั่งสอนม...
          เราทุกวันนี้ ต่างมอง และให้ความสำคัญกับสิ่งภายนอก มากกว่าจะให้ความสำคัญในคุณค่าที่ตนเองมี           ตั้งแต่เริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาตอนไหน สัมผัสแรก หรือ ผัสสะแรกที่รับรู้คือ ความสุขใจ ความไม่ไม่สบายใจ หรือไร้อารมณ์ใดๆ กับความเคยชินที่มีมากเสียจน ลบเลือนสติ สัมปชัญญะที่ควรจะมี ต่างเพ่งโทษต่อผู้ที่เราไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ด้วยมุมมองที่ยึดอุปาทานที่ก่อกำเนิดมาจากผัสสะ แล้วบันทึกจดจำในสัญญา ว่านั่นคือสิ่งที่เราถูกใจ ว่านั่นคือสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ที่เรียกว่า เวทนา เพราะเวทนาตัวนี้เองจึงเกิดความทะยานอยาก ถูกใจ ก็อยากเห็น อยากได้มาครอบครอง ไม่ถูกใจ ก็ไม่อยากเห็น ไม่อยากเข้าใกล้ ตั้งข้อรังเกลียด สิ่งเหล่านี้คือ ตัณหา อันเป็นผลพวงของเวทนา 3 ที่ประกอบด้วย สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุขมเวทนา              เมื่อตัณหาคือความอยาก ความดิ้นรน ที่จะครอบครอง หรือพยายามที่จะผลักดันออกไปเมื่อไม่สบอารมณ์ หรือ การแสดงอาการประหนึ่งไม่ยินดียินร้ายใดๆ ย่อมแปรเปลี่ยนเป็นอุปาทาน  คือการยึดครอง แบ่งฝักฝ่าย ว่านี่ของเรา นี่ของเขา ค...