การเผชิญความตายเมื่อยังไม่ตาย
การเผชิญความตายเมื่อยังไม่ตาย
บางครั้งในช่วงหนึ่งเราอาจจะรับเชิญให้ไปร่วมแสดงความอาลัย ของใครคนหนึ่งที่เรารู้จักมักคุ้นกัน หรือ ไม่เคยได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำไป หรือ อาจจะได้รับรู้ผ่านสื่อทางใดทางหนึ่ง บ่งบอกถึงความโศกเศร้า ความอาลัยรัก รวมไปถึง ความสะใจ พอใจ ของใครบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้น จะด้วยเหตุผลกลใด จะต้องการ หรือ ไม่ต้องการ จะยินดี หรือ ไม่ยินดี ทุกชีวิตย่อมมาบรรจบกันตรงนี้ หลายชีวิต อาจจะมีญาติมิตรมาร่วมไว้อาลัย และอีกหลายชีวิตไม่อาจจะรับรู้ของการจากไป หรือที่เรียกว่า ตายอย่างโดดเดี่ยว บ้างต้องทรมานก่อนตาย บ้างก็นอนตายอย่างสงบ ตายโดยธรรมชาติ ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตายด้วยอุบัติเหตุ จงใจทำให้ตนเองตาย จงใจล้างผลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นตายโดยหน้าที่ ทำให้ตายโดยไม่เจตนา ตายด้วยความหลงผิด ตายเพราะสิ้นอาสวะ
ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ย่อมมีเรื่องเล่า ทั้งสุข ทุกข์ หรือคละเคล้ากันไปของแต่และชีวิต นับแต่ลืมตาขึ้นมองดูโลกใบนี้ ได้ความรัก ความเอาใจใส่ จากคนที่เรียกตนเองว่า แม่ พ่อ หรือ ญาติทางแม่ ญาติทางพ่อ ช่วยกันดูแล หรือ ถูกทอดทิ้งให้คนอื่นที่มิใช่ญาติ มาดูแล ได้บ่มฟูมฟักความความรัก ความชิงชัง ความหลง ความมัวเมา ที่แวดล้อมอยู่รอบตัว จนก่อเกิดเป็นกำแพงเสมือนคือตัวตนของแต่ละคน ยิ่งสะสมความหลง ความมัวเมา ในกิเลส ทั้ง ความโลภ ราคะ ความโกรธ โทสะ ความหลงในสิ่งที่ตนหลงยึดอยู่คือสิ่งที่จะต้องอยู่กับตนเองตลอดไป สิ่งใดที่ทำให้ตนเองพึงพอใจ จะด้วยวิธีใด จะทำให้ใครต้องเสียประโยชน์ หรือไม่ ก็จะพยายามขวนขวายมาเป็นของตนให้จงได้ ต้องคิดเสมอและลูกหลานบริวารให้รู้จักหา หา และ หา แสวงหาความร่ำรวย แสวงหาโภคทรัพย์ แสวงหาอำนาจ แสวงหาในสิ่งที่ทำให้ตนเองอยู่เหนือผู้คน
บางครั้งในช่วงหนึ่งเราอาจจะรับเชิญให้ไปร่วมแสดงความอาลัย ของใครคนหนึ่งที่เรารู้จักมักคุ้นกัน หรือ ไม่เคยได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำไป หรือ อาจจะได้รับรู้ผ่านสื่อทางใดทางหนึ่ง บ่งบอกถึงความโศกเศร้า ความอาลัยรัก รวมไปถึง ความสะใจ พอใจ ของใครบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้น จะด้วยเหตุผลกลใด จะต้องการ หรือ ไม่ต้องการ จะยินดี หรือ ไม่ยินดี ทุกชีวิตย่อมมาบรรจบกันตรงนี้ หลายชีวิต อาจจะมีญาติมิตรมาร่วมไว้อาลัย และอีกหลายชีวิตไม่อาจจะรับรู้ของการจากไป หรือที่เรียกว่า ตายอย่างโดดเดี่ยว บ้างต้องทรมานก่อนตาย บ้างก็นอนตายอย่างสงบ ตายโดยธรรมชาติ ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตายด้วยอุบัติเหตุ จงใจทำให้ตนเองตาย จงใจล้างผลาญชีวิตผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นตายโดยหน้าที่ ทำให้ตายโดยไม่เจตนา ตายด้วยความหลงผิด ตายเพราะสิ้นอาสวะ
ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ย่อมมีเรื่องเล่า ทั้งสุข ทุกข์ หรือคละเคล้ากันไปของแต่และชีวิต นับแต่ลืมตาขึ้นมองดูโลกใบนี้ ได้ความรัก ความเอาใจใส่ จากคนที่เรียกตนเองว่า แม่ พ่อ หรือ ญาติทางแม่ ญาติทางพ่อ ช่วยกันดูแล หรือ ถูกทอดทิ้งให้คนอื่นที่มิใช่ญาติ มาดูแล ได้บ่มฟูมฟักความความรัก ความชิงชัง ความหลง ความมัวเมา ที่แวดล้อมอยู่รอบตัว จนก่อเกิดเป็นกำแพงเสมือนคือตัวตนของแต่ละคน ยิ่งสะสมความหลง ความมัวเมา ในกิเลส ทั้ง ความโลภ ราคะ ความโกรธ โทสะ ความหลงในสิ่งที่ตนหลงยึดอยู่คือสิ่งที่จะต้องอยู่กับตนเองตลอดไป สิ่งใดที่ทำให้ตนเองพึงพอใจ จะด้วยวิธีใด จะทำให้ใครต้องเสียประโยชน์ หรือไม่ ก็จะพยายามขวนขวายมาเป็นของตนให้จงได้ ต้องคิดเสมอและลูกหลานบริวารให้รู้จักหา หา และ หา แสวงหาความร่ำรวย แสวงหาโภคทรัพย์ แสวงหาอำนาจ แสวงหาในสิ่งที่ทำให้ตนเองอยู่เหนือผู้คน
การแสวงหา ในสิ่งที่ตนเองก็ลืมนึกไปว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะแสวงหามามากเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะนำติดตัวไปยังภพใหม่ ภูมิใหม่ คงทิ้งไว้ให้อนุชนรุ่นหลังมัวเมากันต่อไป
การจะทำการงานใด สิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือการฝึกให้ชินกับงานที่ทำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของงานนั้นๆ หรือ การฝึกฝนในกิจกรรม สันทนาการต่างๆ ต้องใช้เวลา และการฝึกปรือ เพื่อทำให้ตนเองเกิดความชำนาญในสิ่งที่ตนเองทำอยู่ หรือ กำลังจะทำ ความตายก็เช่นกัน เมื่อยังไม่ตาย ก็ต้องฝึกให้รับมือกับความตายที่จะมาถึงไม่วันใดก็วันหนึ่ง ช่วงเวลาใด ณ ที่แห่งใดในหลักของพระพุทธศาสนานั้น มีคติ ที่พอจะรับรู้ได้ว่า ทุกชีวิตนั้น มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย หากทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักได้รับผลของกรรมนั้น กรรม ก็คือ การกระทำ หรือ การประพฤติตนไปในทางที่ดี หรือ ไม่ดี คือสิ่งที่จะติดตัวไป ไม่ใช่สิ่งสมมุติที่เราพากันหลงยึดว่า นั้นนี่โน้น คือ เงิน ทอง บ้าน ที่ดิน รถยนต์ เรือ เครื่องบิน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะหามาอย่างไร ด้วยวิธีใดก็ตามก็ไม่อาจจะนำติดตัวไปได้เลย เมื่อเราไปงานศพ เราก็จะเห็นสภาพของคนๆหนึ่งที่นอนแน่นิ่งไม่มีลมหายใจ ในมือก็ไม่ได้มีอะไรที่พอจะหยิบจับเอาไปได้ สิ่งที่เขาเหล่านั้นนำติดตัวไปกลับกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นกระทำมาตั้งแต่ที่เขาเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ เท่านั้น
บุญ หรือ บาป คือสิ่งที่มองไม่เห็นส่วนตาเปล่า เหมือนกับดวงจิตของแต่ละคนก็มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเหมือนกัน หากแต่สามารถสัมผัสได้ด้วยจิตเท่านั้น การสัมผัสด้วยจิตก็ต้องฝึก ฝึกปฏิบัติ ให้จิตมีพลัง จึงจะสัมผัสได้ รู้ได้ เป็นปัจจัตตัง คือ รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น หากเราปฏิบัติกันมาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะรับรู้ได้ว่า ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับเขาเหล่านั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายก็คือ การเกิด เพราะ การเกิด นำมาซึ่งความทุกข์ พระอริยเจ้าจึงกลัวการเกิด แต่เหล่าปุทุชนคนธรรมดากลัวตายไม่กลัวเกิด เป็นซะงั้น..........
ด้วยพลังอำนาจที่จะผลักดันให้เราไปเกิดนั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำตอนที่เรามีชีวิตอยู่ ด้วยเจตนา หรือ ไม่เจตนา ก็จะสะสมเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่เรียกกันสั้นๆว่า บุญ หรือ บาป
บุญ คือ ความสุข ในที่นี้คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในใจในขณะที่เรากระทำกรรมดี เพื่อตนเอง และผู้อื่น อาจจะกระทำด้วยการให้ทาน รักษ่ศีล ฟังธรรม บริจาคทรัพย์ หรือการให้ธรรมเป็นทาน การช่วยเหลือกิจการทางสาธารณประโยชน์ การบันเทาความทุกข์ยากให้กับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ทุกการกระทำเปรียบเสมือนแต้มสะสมบุญเพื่อเป็นเสบียงเอาไว้เลี้ยงตนในภพหน้า ส่วน บาป คือ ความทุกข์ คือ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ความขัดเคือง ความขัดสน การเบียดเบียน การพลัดพราก ทั้งที่ทำกับตนเองและทำกับผู้อื่น ตัวการสำคัญที่ทำให้เราต้องพบกับความยุ่งยากในชีวิต คือ กิเลส ที่มีลูกสมุนคือ โลภะ โทสะ โมหะ ทั้งสามตัวนี้ คือต้นเหตุที่รวมกันก่อพฤติกรรมที่เรียกว่า สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ผลพวงของการกระทำด้วยกิเลสนำมาซึ่ง การเกิดที่ได้แก่อบายภูมิ หรือ ดินแดนที่ไม่มีความสุข ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน ใครจะเกิดอย่างไรเป็นอะไรก็แล้วแต่กรรม ที่เราทำ..........
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น