ทำดี ต้องได้ ดี ทำชั่ว ต้องได้ ชั่ว ขึ้นอยู่กับเวลา

                   หลายคนที่ยังไม่เข้าใจธรรมดีพอ และพอดี ก็มักจะสรุปเอาเองว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป หลักของพระพุทธศาสนาแล้วเน้นที่กฎแห่งกรรม หรือ การเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏฏะ อภิณหปัจจเวกขณ์ ได้กล่าวไว้ว่า 

ชราธัมโมมหิ  ชะรัง อะนะติโต                   มีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
พะยาธิธัมโมมหิ  พะยาธิง  อะนะตีโต          มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
มะระณะธัมโมมหิ  มะระณัง  อะนะตีโต        มีความตายเป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
สัพเพหิ  เม  ปิเยหิ  มะนาเปหิ  นานาภาโว  วินาภาโว
                                                         จักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย
เนื้อความในพระสูตรนี้กล่าวถึงเรื่องจริงที่ไม่อาจเป็นอื่นไปได้ เป็นการเตือนสติให้เรารู้และเข้าใจในธรรมชาติ ทุกชีวิตที่เกิดมาไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ไม่พานพบกับสิ่งเหล่านี้ 
กัมมัสสะโกมหิ  กัมมะทายาโท                  มีกรรมเป็นของๆตน  จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
กัมมะโยนิ   กัมมะพันธุ                            มีกรรมเป็นแดนเกิด  มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
กัมมะปะฏิสะระโน   ยัง กัมมัง กะริสสามิ      มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  ทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา                         เป็นกรรมดีก็ตาม  เป็นกรรมชั่วก็ตาม
ตัสสะ  ทายาโท  ภะวิสสามิ                     เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น
เอวัง  อัมเหหิ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล
                     นี่คือบทพิสูจน์ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ 2600 ปีล่วงมาแล้ว การที่เราเกิดมาเป็นคน เป็นสัตว์ นานาชนิด ไม่ได้เกิดตามความต้องการของพระพรหม อย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ หากเกิดจากกรรมที่เรา เคยสั่งสมมาแต่ในอดีต แต่ละคนที่เกิดมามีทั้งที่เคยทำความดีมามาก เกิดมาชาติใหม่ก็ได้อานิสงส์จากกรรมดีที่ตนเองเคยสร้างสมมา เมื่อมาทำความชั่ว ไม่ใช่ว่าจะสูญสลายไปก็หาไม่ หากแต่รอเวลาให้ กรรมดีที่เคยสร้างมาอ่อนแรงลง กรรมชั่วจึงจะให้ผลออกมา แม้คนที่เคยทำไม่ดี สร้างกรรมชั่วมาแต่อดีต มาในชาติปัจจุบันกลับกระทำแต่กรรมดี ก็มักจะโดนกลั่นแกล้ง ถูกมองข้ามความดีที่ตนเองทำไว้บ้าง ก็ต้องรอเวลาให้กรรมในอดีตที่เราเคยทำไม่ดีอ่อนกำลังลง ผลแห่งความดีที่เราทำจึงจะตามสนองได้
                   กล่าวถึงกฏแห่งกรรมหลายคนอาจมองไม่เห็นภาพชัดเจนนัก ก็เราลองมาเปรียบเทียบตัวอย่างนี้ดู แล้วเราจะเข้าใจเองว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
                   หากเราเตรียมเงินเป็นค่าโดยสารรถประจำทางไปต่างจังหวัด เราก็ต้องทำงานเก็บเงิน เพื่อที่เราจะได้มีเงินเป็นค่าอาหารและค่าโดยสารรถประจำทางนั้น ในขณะที่พนักงานเก็บค่าโดยสารกำลังจะเก็บเงินใกล้จะถึงตัวเรา บังเอิญมีคนที่อยู่ข้างหน้าเราไม่มีเงินที่จะจ่ายเป็นค่าดดยสาร เราเกิดนึกสงสารเขาขึ้นมา ก็เลยมอบเงินค่าโดยสารของเราให้กับเขาผู้นั้นไป ต่อหน้าพนักงานเก็บเงิน ก็มีคำถามขึ้นมาว่า เมื่อพนักงานเก็บค่าโดยสาร มาขอเก็บเงินกับเรา เราก็บอกเขาว่า ฉันเอาเงินทั้งหมดของฉันช่วยคนนั้นต่อหน้าเธอ เธอก็เห็น โปรดให้ฉันโดยสารรถไปด้วยนะ เพราะฉันได้ทำความดีช่วยคนอื่นให้มีโอกาสเดินทาง คุณๆทั้งหลาย คุณคิดว่า พนักงานเก็บค่าโดยสารจะให้เราเดินทางไปด้วยหรือไม่ แน่นอนเขาก็ต้องเชิญเราลงจากรถ เพราะเราไม่มีเงินค่าโดยสาร การทำความดีให้ถึงพร้อมนั้น เราต้องสร้างสมเอาไว้ให้มาก เหมือนที่เราให้ค่าโดยสารคนอื่นไปตัวเราก็ต้องมีค่าโดยสารด้วย ส่วนใครจะแอบขึ้นรถมาสุดท้ายเมื่อนายตรวจเดินตรวจบัตรค่าโดยสารแล้ว จับไปว่าแอบลักลอบขึ้นมาเขาก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี เราเกิดมาทั้งที อย่าได้คิดอะไรให้มันเกินกายเกินใจ มันจะเป็นทุกข์ร้อนไปเปล่าๆ เร่งสร้างสมบารมี สร้างบุญกุศลไว้ให้มากๆ ชาติหน้าเกิดมาจะได้สบายอย่างคนอื่นเขา แต่ทางที่ดี อย่างได้เกิดอีกเป็นดีที่สุด ไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ ไม่เกิดก็ไม่ต้องแก่ ไม่เกิดก็ไม่ต้องมาเจ็บ ไม่เกิดก็ไม่ต้องมาตาย ไม่เกิดก็ไม่ต้องมีการพลัดพราก....

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กฏกติกามารยาทของพระสงฆ์ ที่เรียกว่า ศีล 227

ปฏิทินลวงโลก

วิธีจุดไฟแบบอัจฉริยะ